FACEBOOK STORIES ช่องทางการตลาดดิจิทัลที่คุณไม่ควรมองข้าม


เมื่อหลายปีก่อนหากพูดถึงคำว่า “Stories” เชื่อว่าหลายคนคงกำลังสงสัยว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร? แล้วสามารถใช้ทำอะไรได้บ้าง? แต่ในตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักฟีเจอร์ยอดนิยมอย่างสตอรีกันอีกแล้ว เพราะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่าง Instagram และ Facebook หรือแม้แต่แพลตฟอร์มวิดีโอที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง YouTube ก็ล้วนแล้วแต่มีฟีเจอร์สตอรีเป็นของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น จนทำให้สตอรีกลายมาเป็นหนึ่งในช่องทางการสื่อสารทางตลาดรูปแบบใหม่ที่หลายแบรนด์หันมาให้ความสำคัญ

Facebook Stories คืออะไร ?

Facebook Stories คือ ฟีเจอร์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถบอกเล่าเรื่องราวที่พบเจอในชีวิตประจำวันผ่านรูปภาพหรือคลิปวิดีโอสั้น ๆ ที่มาพร้อมกับลูกเล่นมากมายให้คุณได้เลือกใช้เพื่อการใช้งานที่สนุกมากยิ่งขึ้น โดยเรื่องราวที่ถูกโพสลงบนสตอรีจะสามารถแชร์ให้เพื่อน ๆ ของคุณเห็นได้อย่างจำกัดเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น! ก่อนจะถูกเก็บบันทึกลงในคลังเรื่องราวโดยอัตโนมัติเพื่อให้คุณสามารถเข้ามาดูเรื่องราวที่ผ่านมาได้ตามที่ต้องการ

ทำไมคนถึงชอบเล่น Stories ?

1. ได้ตามติดเรื่องราวแบบเรียลไทม์

การสร้างคอนเทนต์บน Stories สามารถทำได้ง่ายและประหยัดเวลามากกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่น เพราะเป็นการถ่ายภาพหรืออัดวิดีโอเพียงแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น ผู้ใช้งานส่วนใหญ่จึงหันมาโพสเรื่องราวของตนเองรวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวกันมากขึ้น จนทำให้ผู้ใช้งานเกิดความรู้สึกใกล้ชิดกับคนที่เรากำลังติดตามผ่านเรื่องราวในแต่ละวัน ว่าเขาไปไหน ทำอะไร หรือเจออะไรมาบ้าง รวมถึงยังมีโอกาสได้เห็นมุมมองใหม่ ๆ ที่ไม่คาดคิดอีกด้วย

2. คอนเทนต์มีความสมจริง

หากลองสังเกตดูดี ๆ จะพบว่าคอนเทนต์ที่ลงบน Stories จะมีความสมจริงกว่าคอนเทนต์ในรูปแบบอื่น เพราะผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักจะถ่ายรูปภาพหรือคลิปวิดีโอสั้น ๆ ผ่านโทรศัพท์มือถือแล้วกดโพสเลยโดยที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรมากนัก อีกทั้งคอนเทนต์ส่วนใหญ่ที่ถูกโพสลงบน Stories ก็มักจะเป็นเรื่องราวที่เข้าใจง่าย ไม่ต้องคิดเยอะ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ต้องการเสพคอนเทนต์เพื่อหาความบันเทิงได้เป็นอย่างดี

3. เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์

ด้วยรูปแบบของคอนเทนต์บน Stories ถูกจำกัดไว้ที่รูปภาพและวิดีโอสั้น ๆ ทำให้ Stories กลายเป็นแหล่งรวบรวมความคิดสร้างสรรค์ชั้นดี ตั้งแต่แรงบันดาลใจ แนวคิดใหม่ ๆ ไปจนถึงความอิสระในการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สามารถดึงดูดสายตาของผู้บริโภคให้หยุดชมหรือหยุดอ่านได้ในเวลาอันสั้น รวมถึงการสอดแทรกเนื้อหาผ่านการใช้ภาษาที่มีความแปลกใหม่ ทันสมัย ของผู้คนที่มีความกล้าจะแตกต่าง ซึ่งช่วยสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้บริโภคอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

ทำไมเราถึงไม่ควรมองข้าม Facebook Stories?

1. Stories มีอายุแค่ 24 ชั่วโมง

การที่คอนเทนต์บน Stories ปรากฏให้เห็นเพียงแค่ 24 ชั่วโมงถือเป็นจุดเด่นที่สำคัญของฟีเจอร์นี้เลยก็ว่าได้ เพราะทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมากล้วนมีพฤติกรรม “FOMO” (Fear Of Missing Out) หรือ พฤติกรรมที่กลัวว่าตนเองจะตกกระแสด้วยกันทั้งนั้น การที่ Stories มีอายุเพียงแค่ 24 ชั่วโมงจึงช่วยกระตุ้นให้คนที่ผ่านมาเห็น Stories ของเรารีบกดเข้ามาดู และเข้ามามีส่วนร่วมก่อนที่คอนเทนต์เหล่านั้นจะหายไป ด้วยกลัวว่าถ้าหากยังมัวแต่รีรอตนเองอาจจะพลาดเรื่องสำคัญบางอย่างไปได้

2. เหมาะกับการแสดงผลบนโทรศัพท์มือถือ

ในยุคที่ใคร ๆ ต่างก็เสพคอนเทนต์ผ่านโทรศัพท์มือถือ การที่ Stories ถูกออกแบบมาให้แสดงผลในลักษณะแนวตั้งจึงมีความสอดคล้องกับลักษณะทางกายภาพพฤติกรรมการใช้งานโทรศัพท์มือถือของเรา ทำให้ Stories มีความได้เปรียบในด้านการใช้งาน และช่วยเพิ่มพื้นที่ในการแสดงคอนเทนต์ได้มากกว่า และหากลองสังเกตโฆษณาที่แทรกขึ้นมาระหว่างการดู Stories คุณจะพบว่าโฆษณาเหล่านั้นมีความแนบเนียนไปกับ stories อื่น ๆ ทำให้ผู้บริโภคที่เห็นคอนเทนต์โฆษณาในลักษณะนี้จึงไม่ค่อยรู้สึกรำคาญใจมากนัก

3. ช่วยเพิ่มโอกาสให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก

สตอรีจะปรากฏอยู่บริเวณแถบด้านบนสุดของ News Feed ทำให้ผู้ใช้งานส่วนใหญ่เห็นฟีเจอร์นี้ทันทีที่กดเข้ามาในแอปพลิเคชัน หากธุรกิจของคุณมีการอัปเดตความเคลื่อนไหวผ่านสตอรีอยู่เรื่อย ๆ ก็จะยิ่งช่วยเพิ่มโอกาสที่ผู้บริโภคจะเห็นธุรกิจของคุณผ่านสายตามากขึ้น อีกทั้งระบบของสตอรียังถูกออกแบบมาให้มีการเล่นแบบอัตโนมัติ เมื่อเลื่อนดูโพสของคน ๆ หนึ่งจนหมด ระบบก็จะข้ามไปยังโพสของคนที่อยู่ถัดไปทันที ทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสที่จะเห็นเรื่องราวบนสตอรีของคุณได้แม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจกดเข้ามาดูโดยตรง

4. ช่วยให้ธุรกิจดูเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น

ผู้ที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่ล้วนต้องการให้ธุรกิจของตนเองมีภาพลักษณ์ที่เข้าถึงได้ง่ายเพื่อช่วยดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยกันทั้งนั้น การทำคอนเทนต์บนสตอรีจึงช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถแบ่งปันเรื่องราว รวมถึงช่วงเวลาดี ๆ ได้บ่อยเท่าที่ต้องการโดยที่ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้แอคเคาน์ของตนเองรกจนเกินไปเพราะสตอรีของ Facebook มีอายุเพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น และจากผลสำรวจของ Facebook พบว่า ผู้ใช้งานส่วนหนึ่งเลือกที่จะดูสตอรีมากกว่าโพสปกติบนไทมไลน์ เพราะพวกเขารู้สึกว่าคอนเทนต์บนสตอรีมีความสมจริงและทันต่อเหตุการณ์มากกว่า ทั้งยังให้ความรู้สึกที่ว่าตัวเองได้ใกล้ชิดกับคนที่กำลังติดตามมากขึ้น

5. ผู้ใช้งานมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

หลังจากที่ Facebook ได้ประกาศเปิดตัวฟีเจอร์ Stories เมื่อช่วงต้นปี 2017 ก็เป็นเวลาเกือบสี่ปีแล้วที่ฟีเจอร์ Stories ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยจากผลสำรวจพบว่าสถิติผู้ใช้งาน Stories ผ่าน Facebook และ Messenger จากทั่วโลกมีมากถึง 500 ล้านคน ในทุกวัน ซึ่งคิดเป็นหนึ่งในสามส่วนจากจำนวนผู้ใช้งานทั้งหมดในแต่ละวัน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นมากขึ้นอีกในอนาคต ซึ่งจากตัวเลขเหล่านี้ก็สามารถสรุปได้ว่าเมื่อตัวเลขผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้น โอกาสที่คอนเทนต์ของคุณจะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายก็มีมากขึ้นเช่นกัน